ปวดศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อยเกือบทุกคน และระยะเวลาประสบการณ์ทำงานที่ยาวนาน ของคนวัย 40 คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเคยเจออาการปวดหัว ซึ่งผู้ที่มีอาการมักจะกังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรง เช่น เนื้องอกในสมอง หรือ เส้นเลือดผิดปกติ ซึ่งต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องจริง แต่ส่วนใหญ่ ผู้ที่ปวดหัวก็มักจะไม่ได้มีโรคร้ายดังกล่าว การที่จะรู้ว่าการปวดศีรษะขนาดไหนเป็นการปวดศีรษะแบบธรรมดาๆ ไม่ร้ายแรง หรือปวดศีรษะขนาดไหนเป็นการปวดที่ผิดปกติ และอาจเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรง มีข้อสังเกตได้ไม่ยาก ที่พบบ่อยในคนวัยทำงานคือ ไมเกรน ซึ่งมักมีอาการปวดตุ๊บๆ ครึ่งซีก แถวขมับ เบ้าตา ด้านข้าง หรือ ท้ายทอยบางคนมีคลื่นไส้ และอาเจียน
อาการปวดศีรษะแบบไม่ร้ายแรง
การปวดศีรษะแบบไม่ร้ายแรงมีหลายชนิดที่พบบ่อยในคนวัยทำงานคือ ไมเกรน ซึ่งมักมีอาการปวดตุ๊บ ๆ ครึ่งซีก แถวขมับ เบ้าตา ด้านข้าง หรือท้ายทอย บางคนมีคลื่นไส้และอาเจียนได้ อาการปวดย้ายข้างได้แต่มักเป็นข้างหนึ่งบ่อยกว่าอีกข้าง บางครั้งก็ปวด สองข้างได้ บางคนมีอาการนำก่อนปวดศีรษะที่เรียกว่า ออรา เช่นเห็นแสงระยิบระยับไฟกระพริบ เห็นเส้นหยักขยายขึ้น ความรุนแรงของการปวดก็ต่างไปในแต่ละคน แต่ผู้ป่วยมักจะอยากนอนพัก หรืออยู่เงียบๆ จะดีกว่า แต่ละคน ตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน และยาแก้ปวดแต่ละชนิดมีผลข้างเคียงแตกต่างกัน และที่สำคัญการใช้ยาผิดวิธีจะเกิดการติดยาและไม่หายปวดหรือปวดมากขึ้นได้
ข้อแนะนำ
ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยซื้อยากินเองและถึงแม้ว่าโรคไมเกรนจะไม่ก่อให้เกิดความพิการหรือมีผลต่อร่างกาย แต่ก็ไม่หายขาด บางรายอาจดีขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น บางรายก็เป็นไปตลอดดังนั้นการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และการปรับยาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
วิธีสังเกตอาการปวดศีรษะที่ไม่ใช่ธรรมดาๆ
– ถ้าปวดศีรษะมากๆ เป็นครั้งแรกในคนอายุมากกว่าสี่สิบปีก็ต้องหาสาเหตุ เพราะถ้าปวดไมเกรน (ปวดมากๆ) มักมีประวัติเริ่มปวดตั้งแต่อายุน้อยกว่านี้
– ปวดทันทีและรุนแรงมาก บางคนบอกว่ารุนแรงที่สุดในชีวิตมักสงสัยเส้นเลือดแดงแตก
– ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีช่วงหายปวด หรือ เบาลงเลย
– ปวดจนนอนไม่หลับหรือจนต้องตื่นมาปวดกลางคืน
– ตื่นเช้ามาพร้อมกับความปวดปวดหัวมาก พร้อมกับมีไข้ หรือ อาการทางสมองร่วมด้วยถ้าเคยมีอาการปวดหัวเรื้อรังแต่ไม่อันตราย (เช่น ไมเกรน) มาก่อน แต่ตอนหลังลักษณะอาการปวดเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่หายสนิท หรือเพิ่มมากขึ้นให้ระวังมีโรคอื่นเพิ่มมาทีหลัง
– มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่นชัก อ่อนแรง หรือชาครึ่งซีก เดินเซ ตามัวลงหรือมองไม่เห็นด้านใดด้านหนึ่ง และอื่นๆ
– เคยมีอุบัติเหตุทางศีรษะมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนสูงอายุ จะพบเลือดค่อยๆคั่งในสมองได้อย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะแสดงอาการชัดเจน
– ไอ จาม หรือ เปลี่ยนท่าทางแล้วปวดศีรษะมาก
– มีอาการทางฮอร์โมนร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนขาดหายไปโดยไม่ได้ตั้งครรภ์
– ปวดข้างเดียวตลอดไม่เคยย้ายข้างเลยเพราะถ้าเป็นไมเกรนมักจะย้ายข้างได้มีโรคร่วม เช่น มะเร็ง โรคเอดส์
– คนที่เคยมีเส้นเลือดดำอุดตันที่ขาหรือที่อื่นๆประวัติครอบครัวมีเส้นเลือดดำอุดตัน dbo ยาคุม หรือมีโรคมะเร็ง จะมีโอกาสเกิดเส้นเลือดดำอุดตันทั้งในและนอกสมองได้แต่ก็พบไม่บ่อย
สัญญาณอันตราย!!..ที่ไม่ควรมองข้าม.. คุณมีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่?
– คุณปวดหัวอยู่ประจำ แต่ครั้งนี้ปวดมากกว่าทุกครั้ง หรือไม่?
– คุณไม่เคยปวดหัวมาก่อน อยู่ก็มาปวดหัวมาก หรือไม่?
– คุณปวดหัวร่วมกับมีอาการทางสายตาด้วย หรือไม่?
– คุณปวดหัวร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือไม่?
– คุณปวดหัวร่วมกับง่วงนอนหรือซึมมึนงงผิดสังเกต หรือไม่?
หากคุณพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่ง อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคสำคัญ ดังนั้น คุณควรพบและปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยละเอียด
โดย พญ.สัญสณีย์ พงษ์ภักดี
แพทย์หัวหน้าศูนย์สมองและระบบประสาท
โรงพยาบาลพญาไท 2