กลุ่มอาการที่มีของเหลวไหลออกจากทางหัวนม พบได้ไม่ค่อยบ่อยนัก แต่ก็พบได้อยู่เสมอๆ เป็นอาการหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลค่อนข้างสูงกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง หรือมีอันตรายอะไรหรือเปล่า การตรวจรักษาอาการประเภทนี้ต้องอาศัยความเข้าใจสาเหตุของโรคและมีทักษะในการตรวจสืบค้นที่ดี และสามารถอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจได้เป็นอย่างดี
ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่มาตรวจด้วยเรื่องมีของเหลวออกทางหัวนม มักเป็นพวกน้ำใสๆ หรือขาว ขุ่นคล้ายน้ำนม มักเกิดจากการเอามือไปบีบเค้นหัวนมหรือเต้านม จึงจะสังเกตุว่ามีอะไรไหลออกมา ถ้าเป็นแบบนี้ก็มักเป็นอาการที่ไม่มีอันตรายอะไร คือไม่ต้องทำอะไร เป็นลักษณะปกติที่พบเจอได้อยู่แล้ว หลังจากตรวจให้ละเอียดและอธิบายให้ความมั่นใจ ผู้ป่วยก็จะคลายความวิตกกังวล ออกจากห้องตรวจไปด้วยความสบายใจ
ส่วนการพิจารณาว่าอาการของเหลวที่ไหลออกทางหัวนมกรณีไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอยู่หลายประการ เช่น ลักษณะของของเหลว สี ปริมาณ เป็นการออกมาเอง หรือเอามือไปบีบถึงจะไหลออกมา ออกมาข้างเดียวหรือสองข้าง ออกมาหย่อมเดียวหรือหลายๆหย่อม เป็นรายละเอียดที่ต้องพิจารณาลงไป
สำหรับกรณีที่ถือว่าผิดปกติ และจะต้องให้การรักษา(ซึ่งมักเป็นการผ่าตัด) ก็คือ กรณีที่ สิ่งที่ไหลออกมามีลักษณะเป็นเลือด หรือเป็นของเหลวสีอะไรก็ตามที่ไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว คือไม่ได้เกิดจากการเอามือไปบีบเค้น หัวนม สามารถสังเกตุได้ง่ายมากในกรณีที่น้ำหรือของเหลวไหลออกมาเอง จะสังเกตุเห็นขณะถอดเสื้อชั้นในหรือยกทรง แล้วจะเห็นรอยเปื้อนเป็นคราบติดอยู่ด้านในของยกทรงตรงที่สัมผัสกับหัวนม หรือ บางคนตื่นเช้ามาก็อาจมีรอยเปื้อนติดอยู่ที่เสื้อนอน เป็นต้น กรณีนี้จะถือว่ามีความสำคัญ ที่ต้องตรวจให้ละเอียดต่อไป
ข้อสังเกตุ
กรณีต่อไปนี้มักไม่มีความสำคัญ
1. ของเหลวที่ไหลออกมามีลักษณะเป็นสีๆ เช่น เขียว เหลือง ขาวข้น
2. ไม่ได้ออกมาเอง คือต้องเอาไปบีบเค้นบริเวณหัวนม ถึงจะออกมา
3. ออกจากเต้านมสองข้าง หรือหลายๆหย่อมในแต่ละข้าง
กรณีต่อไปนี้มักมีความสำคัญ
1. ของเหลวออกมาเป็นเลือด หรือลักษณะคล้ายเลือด
2. หากเป็นของเหลวที่ไม่มีสี เช่นออกมาเป็นสีใส ต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจทางเคมีก่อนว่ามีเม็ดเลือดเป็นส่วนประกอบอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นเลือด
3. ไหลออกมาเอง โดยไม่ได้เอามือไปบีบ
4. ออกมาเป็นน้ำนม (มักเป็นสองข้าง) อาจมีอาการปวดหัว ตามัว มองไม่ชัดร่วมด้วย
5. มีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่นเป็นก้อนร่วมด้วย หัวนมยุบตัว ผิวหนังผิดปกติเป็นรอยบวม หรือบุ๋ม เป็นรอยยุบ เป็นต้น
การตรวจที่จำเป็น
1. แมมโมแกรม/อัลตราซาวนด์ เป็นการตรวจเช็คสภาพเต้านมโดยรวมก่อนว่ามีอะไรผิดปกติอยู่หรือไม่ และอัลตราซาวนด์ก็จะตรวจดูรายละเอียดของท่อน้ำนมบริเวณนั้นได้ด้วย
2. แพทย์จะกดดูตามแนวท่อน้ำนมรอบๆ หัวนม เพื่อหาตำแหน่งที่อาจพบจุดที่เป็นความผิดปกติที่ผลิตของเหลว หากกดบริเวณนั้นแล้วมีของเหลวไหลออกมาก็แสดงว่าจะต้องมีอะไรที่เป็นแหล่งสร้างของเหลวนั้นอยู่บริเวณนั้น
รูปแสดงการกดหาตำแหน่งที่เป็นความผิดปกติในท่อน้ำนม กดบีบไล่ดูว่าตำแหน่งที่ของเหลวออกมาอยู่ส่วนไหนของท่อน้ำนม
3. การตรวจทางเคมี ใช้ในกรณีที่ของเหลวออกมาเป็นสีใดๆ ที่ไม่ใช่ลักษณะเลือด เพื่อเป็นการพิสูจน์ดูว่ามีเลือดเป็นส่วนประกอบหรือไม่ ถ้ามีก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเลือดออกทางหัวนม ถ้าไม่มีก็น่าจะปลอดภัยกว่า
แถบตรวจวัดทางเคมี สำหรับตรวจหาว่ามีเลือดปนอยู่ในของเหลวที่ออกมาหรือไม่
การตรวจส่วนใหญ่มักทำเพียงแค่นี้ เพราะ ก็จะสามารถวางแผนการรักษาต่อไปได้ เพราะเมื่อทราบว่า เต้านมไม่มีความผิดปกติอื่นใดร่วมด้วย เช่นก้อนเนื้องอก หรือ มะเร็ง เราก็พอจะสรุปสาเหตุของการที่มีเลือดออกทางหัวนมส่วนใหญ่ (ราว 90%) ว่าเป็นจาก เนื้องอกท่อน้ำนมขนาดเล็ก ( intraductal papilloma) ที่อยู่ข้างๆหัวนม นั่นเอง ซึ่งเนื้องอกกลุ่มนี้ไม่ใช่เนื้อร้าย และไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง คือผ่าตัดออกแล้วก็หาย
เครื่องมือชี้ก้อนเนื้องอกในท่อน้ำนม ชนิด intraductal papilloma ที่เป็นสาเหตุของเลือดออกทางหัวนม
ก้อนเนื้องอกชนิด(intraductal papilloma) ที่อยู่ในท่อน้ำนม
การตรวจพิเศษที่อาจทำเพิ่มเติมในผู้ป่วยบางคนเพื่อให้ทราบรายละเอียดของสาเหตุมากขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยจำเป็นนัก เพราะไม่ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาแต่อย่างใด
1. การส่องกล้องตรวจท่อน้ำนม โดยใช้กล้อง microfiber optic ( ductoscopy)
2. การฉีดสารทึบแสง ตรวจภายในท่อน้ำนม ( ductogram)
ลูกศรชี้ตำแหน่งของเนื้องอกภายในท่อน้ำนม
การรักษา
1. กรณีของเหลวที่ออกมาไม่ใช่เลือด และไม่มีความผิดปกติอื่นๆร่วม ก็แนะนำให้ติดตามดูอาการไปก่อน เพราะว่าส่วนใหญ่จะหายได้เอง (self limited)
2. กรณีออกมาเป็นน้ำนม อาจต้องตรวจระดับ ฮอร์โมนต่อมใต้สมอง prolactin
3. กรณีเป็นเลือด ก็จะผ่าตัด เอาท่อน้ำนมที่ผิดปกติออก (microduchectomy)
นพ. หะสัน มูหาหมัด