![](http://www.thaibreastcancer.com/wp-content/sp-resources/forum-themes/default/images/sp_Search.png)
หัวข้อ: ผลอ่าน positive for er (50%,weak) คืออะไรคะ? |
---|
![](http://www.thaibreastcancer.com/wp-content/sp-resources/forum-avatars/guestdefault.png)
มีมะเร็งเต้านมขวา 1.5*1*0.7ซมฺ. ตัดเต้าแล้วค่ะ ระยะt1n0 หมอเคมีบอกไม่ต้องคีโม แต่หมอก็ไม่สบายใจเรื่องผลpositive for er (50%,weak) โดยไม่ได้อธิบายชัดเจน บอกถ้าคนไข้ไม่สบายใจจะขอให้คีโมก็ได้?? รบกวนอธิบายหน่อยค่ะ ไม่คีโมได้ใช่มั้ยคะ
![](http://www.thaibreastcancer.com/wp-content/sp-resources/forum-avatars/userdefault.png)
คืออย่างที่เคยตอบนะครับ การให้เคโม ถือว่าได้ประโยขน์ สำหรับการป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง ทั้งในแง่ลดการกลับเป็นซ้ำเฉพาะที่และการกลับเป็นซ้ำแบบแพร่กระจาย ทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลหรือแปลความหมายได้ว่า เพิ่มโอกาสการหายขาดและทำให้มีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่า เมื่อเทียบกับไม่ให้
การพิจารณาว่าผู้ป่วยรายไหนจะได้ประโยชน์ จากการให้เคโม หรือไม่ ตลอดจนถึงจะได้ประโยชน์มากน้อย แค่ไหน ก็มีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาอยู่ราวๆ 8 ข้อครับ แล้วก็จะสรุปเป็นความเสี่ยงว่า เสี่ยงที่จะเป็นกลับมากน้อยแค่ไหน คุ้มกับการให้เคโม มากน้อยแค่ไหน. ถ้าจะต้องให้. ก็จะเลือกให้ตัวยาตัวไหน ให้ไปกี่ครั้ง เหล่านี้เป็นต้นครับ
สำหรับกรณี่ถาม มะเร็งขนาด 1.5 ซม ยังไม่แพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง ข้อมูลเพียงแค่นี้ ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้
ต้องดูว่า เพิ่มเติมว่า 1. มะเร็งมีความรุนแรงแค่ไหน โดยดูจาก histologic grade
2. มี การลามเข้าสู่ท่อน้ำเหลืองหรือไม่ ( lymphovascular invasion?)
3. ต่อมน้ำเหลืองที่ว่ายังไม่ลามนั้นได้ผ่าเลาะออกมาเป็นจำนวนกี่ต่อม เป็นต่อมน้ำเหลืองเซนติเนลหรือไม่
4. ค่า her2/neu เป็นบวกหรือลบ
5. อายุของผู้ป่วย คือยิ่งอายุน้อย ยิ่งต้องสมควรให้
สำหรับค่า ER ที่บอกมา ก็ไม่ถือสำคัญอะไร เพราะ เป็น weakly positive ราวๆ 50% เท่านั้น.
ดังนั้นที่ถามมา ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า "ไม่ต้องให้เคโมก็ได้" เพราะเท่าที่ดู ยังถือว่า มีความเสี่ยงอยู่ครับ ระดับความเสี่ยงน่าจะอยู่ที่ปานกลาง ขึ้นไป ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ความเห็นของผม คือ เคโม น่าจะให้ประโยชน์ มากกว่าไม่ให้นะครับ
ก็ลอง ปรึกษากับคุณหมอที่รักษาอยู่ดู ให้พิจารณาให้ถ้วนถี่ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์ดูให้ดีว่า สมควรให้เคโมเพื่อลด risk ของการกลับเป็นซ้ำเพื่อประโยชน์เกิดแก่ผู้ป่วยสูงสุด ไม่ใช่ ตัดสินว่าให้ หรือไม่ให้ ตามความไม่สบายใจของคนไข้